เรื่องของการทำบุญกุศลต่างๆ นั้น เป็นเรื่องที่อยู่คู่กับคนไทยมาตั้งแต่สมัยอดีตกาล เพราะการปฏิบัติและหลักสอนของศาสนาพุทธนั้นสอนให้คนเราทำความดี ละเว้นความชั่วทั้งปวง หากจะกล่าวถึงวิธีการทำบุญในรูปแบบต่างๆ นั้น มีมากมายหลายแบบ แต่สิ่งที่เป็นการสร้างบุญและสร้างประโยชน์ให้กับเพื่อนมนุษย์มากที่สุดนั้นก็คงไม่มีใครไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับ “การบริจาคร่างกาย” ที่จะช่วยผู้อื่นและเป็นประโยชน์ต่อการแพทย์นั้นเองครับ บทความนี้จึงอยากเป็นกระบอกเสียง ร้อยเรียงให้ทุกๆ ท่านได้เข้าใจเกี่ยวกับเรื่องของ “การบริจาคร่างกาย บุญใหญ่ครั้งสุดท้ายของชีวิต”ให้กับทุกๆ ท่านได้ลองศึกษากันครับ
การบริจาคอวัยวะหรือร่างกาย คืออะไร?
การบริจาคอวัยวะ คือ การบริจาคอวัยวะที่ยังมีสภาพสมบูรณ์เพื่อใช้ในการปลูกถ่ายอวัยวะให้แก่ผู้ป่วยที่ไม่สามารถรักษาให้หายได้ด้วยวิธีอื่น หรือเป็นผู้ป่วยระยะสุดท้าย อาจได้จากอวัยวะของผู้มีจิตศรัทธาซึ่งได้แสดงเจตนารมณ์ในการบริจาคอวัยวะเอาไว้ หรือได้จากญาติที่มีความประสงค์จะบริจาค
การบริจาคอวัยวะและร่างกายมีประโยชน์อย่างไร?
การบริจาคอวัยวะถือเป็นการสร้างประโยชน์และความสุขอย่างหาที่สุดไม่ได้ เรียกได้ว่าเป็นการให้ชีวิตใหม่กับให้ผู้ป่วยบางรายได้กลับมาใช้ชีวิตเข้าสู่สังคมด้วยคุณภาพชีวิตที่ดี ได้กลับดูแลครอบครัวและคนที่พวกเค้ารัก อีกทั้งยังมีโอกาสได้สร้างประโยชน์ให้กับสังคมต่อไปในอนาคตครับ
คุณสมบัติที่สำคัญผู้บริจาคอวัยวะมีอะไรบ้าง?
●ผู้บริจาคจะต้องอายุไม่เกิน 65 ปี
●ผู้บริจาคจะต้องเสียชีวิตจากภาวะสมองตาย
●ผู้บริจาคจะต้องปราศจากโรคติดเชื้อ และโรคมะเร็ง
●ผู้บริจาคจะต้องไม่เป็นโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน, หัวใจ, โรคไต, ความดันโลหิตสูง, โรคตับ และไม่ติดสุรา
●ผู้บริจาคจะต้องมีอวัยวะที่ต้องทำงานได้ดี
●ผู้บริจาคจะต้องปราศจากเชื้อที่ถ่ายทอดทางการปลูกถ่ายอวัยวะ เช่น ไวรัสตับอักเสบชนิดบี, เอดส์ เป็นต้น
●ผู้บริจาคจะต้องแจ้งเรื่องการบริจาคอวัยวะให้บุคคลในครอบครัวหรือญาติรับทราบและได้รับความยินยอม
5 หลักการดูแลสุขภาพร่างกายที่ดี
1.ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ และทานให้ตรงเวลา
พยายามทานอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่อย่างพอเพียงตามความต้องการของร่างกาย และควรทานให้ตรงเวลาเป็นประจำทุกวัน โดยมื้อเช้าถือว่าเป็นมื้อที่สำคัญที่สุดจึงไม่ควรที่จะงด ส่วนมื้อเย็นควรทานแต่น้อยและไม่ควรทานหลัง 6 โมง เพราะร่างกายจะย่อยได้ไม่เต็มที่ครับ
2.ดื่มน้ำให้พอเพียง
พยายามดื่มน้ำให้ได้วันละ 8 แก้ว เพราะการดื่มน้ำอย่างพอเพียงมีประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย ทั้งในเรื่องของสุขภาพและความสวยความงาม ไม่ว่าจะเป็นช่วยให้ระบบหมุนเวียนโลหิตเป็นไปอย่างปกติ ช่วยเผาผลาญไขมันในร่างกาย ช่วยให้ผิวมีความชุ่มชื่น ดูสดใสเปล่งปลั่ง
3.นอนหลับพักผ่อนอย่างพอเพียง
นอนหลับพักผ่อนให้ได้วันละ 6-8 ชั่วโมง การนอนหลับพักผ่อนอย่างพอเพียงไม่เพียงแต่ร่างกายจะซ่อมแซมตัวเองได้อย่างเต็มที่เท่านั้น แต่ยังทำให้ตื่นขึ้นมาพร้อมกับความสดชื่นแจ่มใส มีพลังในการทำงานและการใช้ชีวิต
4.ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
ควรหาเวลาออกกำลังกายให้ได้อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3-4 ครั้ง ครั้งละประมาณ 30 นาที นอกจากการออกกำลังกายจะช่วยให้สดชื่นผ่อนคลายแล้ว ยังช่วยให้กล้ามเนื้อมีความแข็งแรง ช่วยให้ปอดและหัวใจทำงานได้ดี อีกทั้งยังช่วยสลายไขมัน ซึ่งจะช่วยลดความอ้วนได้อีกด้วย
5.หลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ
เป็นที่รู้กันว่า การสูบบุหรี่และดื่มเหล้านั้นเป็นสาเหตุของการเกิดมะเร็งตับ มะเร็งปอด การหลีกเลี่ยงหรือพยายามลด ละ เลิก พฤติกรรมที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพเหล่านี้จึงเป็นเหตุผลหนึ่งที่จะทำให้คุณมีสุขภาพดีขึ้น เพราะหากคุณไม่รับสารพิษเข้าสู่ร่างกายก็ย่อมเป็นการลดปัจจัยที่จะมาทำลายสุขภาพของคุณนั่นเอง
ก่อนที่คิดจะบริจาคร่างกายให้กับผู้อื่นนั้น เราก็ต้องใช้ชีวิตของเราให้เต็มที่และมีสุขภาพที่ดีเสียก่อนนะครับ เราหวังว่าบทความนี้จะเป็นปะโยชน์ให้กับทุกๆ ท่านกันนะครับ